การแต่งกายของชาวไทใหญ่อำเภอเวียงแหง

By admin, เดือนกันยายน 16, 2011

การแต่งกายของชาวไทใหญ่อำเภอเวียงแหง

ชาวไทใหญ่มีศิลปะการแต่งกายที่แสดงถึงความมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นของตนเองมาช้านาน ชาวไทใหญ่ในเวียงแหงก็เช่นกัน มีศิลปะการแต่งกายเป็นของตนเองจะมีข้อแตกต่างในรายละเอียดเล็กน้อยแล้วแต่ฐานะความเป็นอยู่ เพศ วัย และกาลเทศะการแต่งกาย เช่นในวัยเด็ก ทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายที่มีอายุเข้าเกณฑ์ไปโรงเรียนก็จะแต่งเครื่องแบบนักเรียน แต่ขณะที่อยู่บ้าน หรือไปร่วมงานเทศกาลต่างๆ จะแต่งกายไม่แตกต่างกันมากนัก คือ เด็กชาย จะสวมกางเกงขาก๊วยที่เรียกว่า “ ก๋นห่งย่ง ” หรือ “ ก๋นไต ” และเสื้อเชิ้ต หรือสวมกางเกงขาสั้น ส่วนทรงผมเด็กผู้ชายจะโกนหัวจนถึงอายุ 10 ขวบ จากนั้นจะไว้ทรงผมนักเรียน ส่วนเด็กหญิงจะนุ่งผ้าซิ่นและเสื้อไต ซึ่งมักประดับด้วยลายลูกไม้ ส่วนทรงผมจะใช้ทรงผมมวยเกล้าหรือผมทรงหน้าม้า สำหรับรองเท้าของทั้งผู้หญิงผู้ชายจะเป็นรองเท้าคีบหรือรองเท้าแตะ

การแต่งกาย ของผู้ชายชาวไทใหญ่

ลักษณะการแต่งกายของผู้ชายชาวไทใหญ่

การแต่งกายของชายหนุ่มและชายสูงอายุนิยมสวมกางเกงขาก๊วย หรือ “ ก๋นไต ” สวมเสื้อยืดคอกลมหรือเสื้อเชิ้ต แล้วสวมทับด้วยเสื้อนอกเรียกว่า “ เส้อแต้กปุ่ง ” ทรงผมชายจะเกล้ามวยไว้ด้านใดด้านหนึ่ง เครื่องประดับนิยมใช้ “ หน่าหลี่โจ ” หรือนาฬิกาใช้แขวนหรือห้อยพกไว้ในกระเป๋าที่หน้าอก สำหรับกระดุม “เส้อแต้กปุ่ง” ทำด้วยผ้าหรือกระดุมทองคำ สวมสร้อยคอล๊อกเก็ตทองคำเส้นเล็ก ๆ แขวนนอกคอเสื้อ จะเจาะหูข้างเดียวเพื่อใส่ตุ้มหูหรือตีทองเป็นแผ่นแล้วม้วนคล้ายตะกรุดยัดไว้ในรูติ่งหู สะพายย่ามสะพายดาบ เมื่อไปร่วมงานต่าง ๆ จะโพกศีรษะด้วยผ้าสีต่าง ๆ หากไปร่วมงานในตอนกลางวันที่มีแสงแดดจ้า จะสวมหมวกปีกใหญ่ทำจากกาบไม้ไผ่หรือไม้จักรสาน เรียกว่า “ กุ๊บ ” สวมรองเท้าแตะคีบหรือรองเท้าหนัง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การแต่งกายของชาวไทใหญ่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยโดยจะสวมกางเกงทรงสากล สวมเสื้อเชิ้ต สวมหมวกสักหลาด สะพายย่าม แต่ไม่สะพายดาบ ทรงผมที่เคยเกล้ามวยถูกยกเลิกไป การใส่ตุ้มหูก็หมดความนิยม การแต่งกายแบบดั้งเดิมจริง ๆ นั้น ปัจจุบันจะพบเห็นได้ในงานเทศกาลหรืองานทำบุญต่างๆ หรือตามหมู่บ้านในชนบทเท่านั้น และมีรายละเอียดเกี่วกับการแต่งกายของผู้ชายชาวไทใหญ่ ตั้งแต่ทรงผม เสื้อผ้า และเครื่องประดับ มีดังนี้

การแต่งกายของผู้ชายชาวไทใหญ่

1. ทรงผม

ทรงมวยเกล้า หมายถึง ผมซึ่งเกล้าเป็นมวยไว้ตรงกลางบนศีรษะมักพบในเด็กชายอายุ 5 – 10 ปี ปัจจุบันไม่นิยมไว้ทรงมวยเกล้าแล้ว แต่นิยมไว้ผมรองทรงเป็นส่วนใหญ่

2 . เสื้อผ้าและเครื่องประดับ

2. 1 ) เส้อแซค หมายถึง เสื้อคอกลม ผ่าหน้า แขนยาว มีกระดุมติดตลอดแนว ซึ่งอาจจะเป็นกระดุมธรรมดา กระดุมขอด กระดุมเงิน และกระดุมทอง ก็ได้

2. 2 ) เส้อแต้กปุ่ง หมายถึง เสื้อผ่าหน้า ลำตัวสั้น มีกระเป๋าด้านล่างทั้งสองข้างของชายเสื้อ มีไว้สำหรับใส่นาฬิกา ส่วนกระดุมของเสื้อนั้นเป็นกระดุมผ้าขอดคล้ายกระดุมเสื้อของชาวจีน นิยมสวมทับไว้ด้านนอกสุด

2.3) ก๋นไต หมายถึง กางเกงขายาว ปลายกว้าง คล้ายกางเกงขาก๊วย ส่วนมากจะมีสีเข้มหรือสีคล้ำ

2.4) ซ้อกติ๋น หมายถึง รองเท้าหุ้มส้น ทั้งแบบผ้าใบและหนัง นิยมใช้เฉพาะผู้ชาย

2.5) สายแอ๋ว หมายถึง เข็มขัดที่ทำด้วยหนังมีหัวเป็นทองเหลืองหรือทองคำสำหรับผู้ชาย

2.6) ข่วย หมายถึง ปลอกมีดที่ทำด้วยเงิน มักแขวนประดับไว้ที่เข็มขัด มีดซุย หมายถึง มีดสั้นทำด้วยเงินมักใช้เสียบประดับไว้ที่ข้างเอว และสามารถใช้งานได้

2.7) หน่าหลี่โจ หมายถึง นาฬิกาพก นิยมพกไว้ตรงกระเป๋าเสื้อบริเวณหน้าอกของเสื้อนอก ยึดด้วยสายสร้อยเงินหรือทองคำแขวนโชว์ไว้ภายนอก ปัจจุบันนิยมใช้นาฬิกาข้อมือแทน หน่าหลี่โจ

2.8) ผ้า สะโหล่ง หมายถึง ผ้าถุงจากพม่า ส่วนใหญ่มีลวดลายเป็นรูปตารางขนาด ต่าง ๆ หลากสี ใช้สำหรับผู้ชายเท่านั้น

2.9) ผ้าเคนโห หมายถึง ผ้าสำหรับโพกศีรษะ ผู้ชายจะใช้เมื่อมีอายุ 45 ปี ขึ้นไป

2.10) จามเคนโห หมายถึง ชายผ้าโพกศีรษะที่เหลือจากการโพกแล้วปล่อยยาวลงมา หรือคลี่เป็นแผ่นประดับไว้ข้างศีรษะ

แบบลายเสื้อของชายชาวไทใหญ่มีทั้งหมด 8 ลาย คือ ลายหอยมน ลายหอยแหลม ลายหัวแหลม ลายหางแลม ลายเหลิน ลายงอก ลายหอยสองทาบ ลายหอยปั่นมน และลายหอยเป็ง ส่วนลักษณะของกางเกง เป็น “ก๋นห่งย่ง” หรือ “ก๋นไต” ส่วนเข็มขัดนิยมใช้ผ้ามัดแทนเข็มขัด สำหรับผ้าโพกหัวจะใช้ผ้าแตกถุ่น (ผ้าหางกระรอก) นอกจากนี้ผู้ชายชาวไทใหญ่นิยมจะพกแลวหรือดาบไว้ที่เอว และนิยมสะพายย่าม ส่วนรองเท้าทำด้วยหนังควาย หนังวัว และหนังเก้ง

การแต่งกายของผู้หญิงชาวไทใหญ่

การแต่งกายของผู้หญิงชาวไทใหญ่จะสวมซิ่นหรือผ้าถุงส่วนหญิงสาวมักจะใส่สีสดใส แม่บ้านหรือคนแก่จะใส่สีเข้มสวมเสื้อที่เรียกว่า “ เส้อแซค ” ซึ่งมีทั้งแขนสั้นและแขนยาวหลากสี สาบเสื้อป้ายทับไปทางด้านขวา ติดกระดุมผ้าหรือกระดุมเงินกระดุมทอง หญิงสาวเกล้าผมมวยตั้งมี “ กุ้ก ” และไว้ “สต๊อก” ( หญิงสาวจะไว้สะต้อก ถ้าแต่งงานแล้วจะไม่มีสะต้อก) แม่บ้านหรือคนแก่รวบผมเกล้ามวยเยื้องไปทางด้านหลังมีมวยผม อาจจะเสียบดอกไม้ประดับตามฤดูกาล สวมรองเท้าแตะคีบที่ทำด้วยยางหรือไม้ หุ้มกำมะหยี่ ในเทศกาลที่สำคัญต่างๆ จะสวมเครื่องประดับมากเป็นพิเศษเช่น “สร้อยแขน” หรือกำไลเงิน หรือกำไลทอง “ เป่หู ” หรือตุ้มหูเงินตุ้มหูทองคำ สร้อยคอทองคำ และเข็มขัดเงินหรือทอง หรือนาค (แหวนโจยหลิ่ม) หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หญิงไตหันมาแต่งตัวตามสมัยนิยมชุดไตดั้งเดิมพอจะพบเห็นได้ประปรายในผู้สูงอายุ หรือพบในผู้ร่วมงานเทศกาลที่สำคัญและงานทำบุญต่างๆ ปัจจุบันนิยมสวมสร้อยทองคำมากกว่าสร้อยเงิน

ลักษณะสำคัญของการแต่งกายด้วยชุดไตของผู้หญิงชาวไทใหญ่

การแต่งกายของหญิงชาวไทใหญ่

การแต่งกายของหญิงชาวไทใหญ่ในแต่ละวัย

1. วัยทารก

ผู้เป็นแม่จะห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเป็นเวลาสามเดือน เมื่อครบสามเดือนแล้วจึงจะให้ใส่เสื้อผ้าแล้วพันผ้าอ้อมในส่วนล่างของร่างกายเท่านั้น การห่อผ้าอ้อมไว้ถึง 3 เดือนนั้น ทำขึ้นเพื่อให้ลูกหลับสนิทเป็นเวลานาน ปรับสภาพให้เหมือนอยู่ในท้อง บังคับส่วนศีรษะให้เข้ารูป และเพื่อบังคับให้ร่างกายส่วนแขน ขาตรง จะได้งดงาม

2. วัยเด็ก

เมื่อพ้นวัยทารกแล้ว แม่จะตัดกระโปรงชุดให้เด็กผู้หญิงสวมใส่ เรียกว่า “เส้อซุบ” ในอดีตนิยมตัดเสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ ให้ลูกสวมใส่หรือใส่เสื้อผ้าสืบทอดกันไปในหมู่พี่น้อง เพื่อประหยัดเงินทอง เมื่อโตพอที่จะสวมผ้าซิ่นได้แล้ว แม่จะสอนให้นุ่งผ้าซิ่นคาดเข็มขัด เสื้อชั้นในจะใช้เสื้อปักลายลูกไม้ด้านหลัง ยกทรงจะตีเกล็ดถี่ๆไว้บนทรง บ่าใหญ่ประมาณ 2 นิ้วมือ เป็นเสื้อผ่าหน้าใช้เข็มกลัดติดกระดุมเรียกว่า “เส้อปิ๊ดจ่า” สวมเสื้อไตหน้าต่อทับด้านนอก ผู้ใหญ่ใช้ “เส้อไตหน้าแว๊ด” แบบเสื้อชาวจีน คอกลม แต่ชายเสื้อสั้นแค่เอว มีกระดุมขอดสอดกับหูกระดุมอีกด้านหนึ่ง เช่นเดียวกับเสื้อผู้ชาย หรือใช้กระดุมชุดที่ทำจากพลอยพม่า ถ้าใช้กระดุมชุดพลอย กระดุมผ้าที่เย็บติดกับตัวเสื้อจะเย็บเป็นหูทั้งสองข้าง ให้ห่วงกระดุมพลอยสอดคล้องกับหูของกระดุมผ้า แล้วใช้เม็ดพลอยลอดห่วงผ้าอีกข้างหนึ่งเพื่อรั้งให้ติดกันไว้ทั้งสองข้าง

องค์ประกอบของการแต่งกายด้วยชุดไตของผู้หญิงชาวไทใหญ่

1. เสื้อไต

1.1 เส้อแซค หมายถึง เสื้อผู้หญิงอาจจะมีแขนสั้นหรือแขนยาวป้ายสาบเสื้อทับไปทางขวามือ โดยใช้กระดุมผ้าสีเงิน หรือสีทอง สอดยึดห่วงกระดุม

1.2 หมากต่อมงึน หมายถึง กระดุมเสื้อโบราณ มีลักษณะเป็นเม็ดทรงกลมทำด้วยผ้าสีเงิน(

.3 หมากต่อมคำ หมายถึง กระดุมโบราณ มีลักษณะรูปทรงต่างๆกัน ทำด้วยผ้าสีทอง

2. ผ้าซิ่น

ผ้าซิ่นจะใช้ผ้าที่มีลวดลายเป็นส่วนใหญ่ เย็บตะเข็บเดียวเป็นผ้าถุงธรรมดา สมัยก่อนจะใช้ผ้าเนื้อนิ่มสีดำ ต่อเอว เรียกว่า “หัวซิ่น” เมื่อนุ่งผ้าก็จะเหน็บชายหัวซิ่นได้แน่น ใช้เข็มขัดเงินคาดทับ ผ้าซิ่นแต่ละแบบที่หญิงไตนิยมใช้เรียกต่างๆ กันไปคือ

2.1 ซิ่นก้อง เป็นผ้าซิ่นทอยกลาย หรือลายดอก

2.2 ซิ่นส่วยต่อง เป็นผ้าไหมทำจากเมืองส่วยต่องใกล้ เมืองมัณฑะเลย์

2.3 ซิ่นปะล่อง เป็นซิ่นผ้าไหมลายขวาง

2.4 ซิ่นหล้าย เป็นซิ่นผ้าไหมเนื้อดี

2.5 ซิ่นฮายย่า คล้าย ๆ ผ้ามัดหมี่ แต่จะเป็นลายเล็ก ๆ เป็นส่วนใหญ่

2.6 ซิ่นถุงจ้าบ เป็นผ้าซิ่นที่นำเอาเศษผ้าที่เหลือจากชิ้นผ้าถุงอื่น ๆ สะสมไว้ แล้วนำมาต่อ ๆ กัน เป็นซิ่นหลายสี หลายลาย หลายตะเข็บ ได้อีก 1 ผืน

2.7 ซิ่นปาเต๊ะ เป็นซิ่นที่ใส่กันปกติ นิยมใช้กันทั่ว ๆ ไป

ผ้าซิ่นหรือผ้าถุงสำเร็จที่ใช้กันในปัจจุบัน

3. ทรงผม แบ่งออกเป็น 6 ทรง ตามวัย ดังนี้ คือ

ทรงปกกระหม่อม

3.1 ทรงปกกระหม่อม คือ โกนผมรอบศีรษะ เหลือผมเส้นยาวกระจุกเดียวไว้ปกกระหม่อม เป็นทรงผมสำหรับเด็กทารก

3.2 ทรงหน้าม้า แบบเดียวกับทรงนักเรียน ด้านในโกนผมออกเหลือไว้แต่เฉพาะตรงกลางศีรษะ รัศมีประมาณ 4 นิ้ว ปล่อยยาวลงมาเท่ากับทรงนักเรียน ด้านหน้าคลุมหน้าผากไว้เหนือคิ้ว เป็นทรงผมสำหรับวัยเด็ก

3.3 ทรงสะต๊อก เป็นทรงผมที่ไว้ต่อจากทรงหน้าม้า คือ เมื่อพ้นวัยเด็กเข้าสู่วัยรุ่น จะปล่อยผมส่วนที่ไว้ตรงกลางศีรษะยาวพอที่จะเกล้ามวยเกล้าได้ ส่วนที่เคยโกนในวัยเด็กก็จะปล่อยให้ยาว ด้านหลังยาวเท่ากับผมนักเรียน ด้านข้างหูทั้งสองด้านให้ยาวพอที่จะนำมาคล้องหู แล้วให้ปลายแหลมยื่นออกไปเคลียอยู่ข้างแก้มทั้งสองข้าง ไว้ทรงนี้จนกว่าจะแต่งงาน จึงจะเปลี่ยนทรงผมใหม่

3. 4 ทรงมวยเกล้าป้าด เป็นทรงผมสำหรับหญิงที่ผ่านการแต่งงานเป็นแม่บ้านแล้ว ทรงนี้จะไว้ผมยาวเสมอกัน ยาวที่สุดเท่าที่จะยาวได้ นำมาเกล้าตรงกึ่งกลางศีรษะเป็นมวยเกล้าขนาดใหญ่ โดยหวีแผ่ขนานกับด้านบนของศีรษะให้ขนาดของมวยเกล้าเล็กกว่าศีรษะเล็กน้อย ใช้ปิ่นปักผม หรือหวีทองคำเสียบไว้ หากมีผมไม่มาก หรือไม่ยาวพอก็จะใช้ “ผมจ้อง” (ผมที่ตัดผูกรวมกันไว้มีขนาดยาว) เสริมเป็นมวยเกล้า (

3.5 ทรงมวยเกล้าขัดแก้ง เป็นทรงผมสำหรับหญิงวัยกลางคนถึงวัยสูงอายุ จะใช้หวีที่ทำจากเขาสัตว์หรือกระดองเต่า ซึ่งมีความทนทานไม่หักง่ายเสียบไว้กับผมยาวตรงท้ายทอย แล้วใช้ผมส่วนที่อยู่ด้านล่างพันรอบหวีหลาย ๆ ครั้ง จนถึงปลายผม เหน็บไว้ด้านในก็จะเป็นทรงมวยเกล้าขัดแก้ง

3.6 ทรงมวยเกล้าจ๊อก สำหรับวัยสูงอายุถึงวัยชรา เป็นวัยที่ชอบความเรียบง่าย ประกอบกับมักจะขี้หลงขี้ลืมจึงไม่นิยมใช้เครื่องประดับใด ๆ ชอบแบบสบาย ๆ จึงใช้ปลายผมสอดกับโคนผมที่ทำเป็นห่วง ดึงให้แน่นแล้วพันเส้นผมรอบๆ มวยเกล้าสุดท้ายเหน็บชายผมซ่อนไว้ด้านในมวย

4. เครื่องประดับ

การใส่ปิ่นปักผม

4.1 เครื่องประดับศีรษะ นิยมใช้หวีทองคำ ปิ่นปักผมทองคำ ประดับอัญมณีทับทิมและประดับด้วยดอกไม้ตามฤดูกาล

เป่หูต่องต้อยวัยเด็ก – วัยรุ่น

4.2 เครื่องประดับหู วัยเด็ก – วัยรุ่น ใช้ตุ้มหูพวงห้อย เรียกว่า “เป่หูต่องต้อย” วัยผู้ใหญ่ ใช้จี้หูขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ เรียกว่า “เป่หูหน้าก้าด” วัยสาว จี้มีขนาดเล็กใช้พลอยเม็ดเล็กเรียงเป็นวงกลม ตรงกลางวงจะเป็นพลอยคัดพิเศษ และวัยสูงอายุจี้หูมีขนาดใหญ่ขึ้นใช้พลอยเม็ดเท่าหัวไม้ขีดเรียงกันเป็นวงกลมแบบเดียวกัน มักจะใช้ทับทิม เพชรพม่าและไข่มุก ส่วนวัยชรา จะเลิกใช้เครื่องประดับทั้งหมด อาจจะมีบ้างเป็นบางคนที่ใช้เครื่องประดับจนกระทั่งตาย

สร้อยคอ

4.3 เครื่องประดับคอ นิยมใช้สร้อยคอทองคำประดับอัญมณีจำพวกทับทิมมากที่สุด รองลงมาคือ หนี่หล่า หรือพลอยสีฟ้า

4.4 เครื่องประดับแขน เป็นกำไล ใช้ทองเส้นประกบลอดสานกันหลายเส้น เช่นแบบหัวตัดธรรมดา แบบหัวนาค แบบหัวเสือ ซึ่งเรียกกันว่า “แหวนโจยหลิ่ม” (ไต เรียก กำไลว่า แหวน ส่วนแหวน เรียกว่า มงโคย ) ใช้ทองตีเป็นปล้องต่อ ๆ กันเป็นวง เรียกว่า “แหวนปล้อง” ตีเป็นท่อนกลม เรียกว่า “แหวนก๋ม” ประดับด้วยอัญมณีเช่น ทับทิม หนี่หล่า นิล หยก มรกต เพชร ฯลฯ ด้านบน ทั้งสองส่วนจะมีสลักเสียบต่อเชื่อมเป็นวง มีล็อคและสายรั้ง เครื่องประดับแบบนี้คนไตเรียกว่า “แหวนแสง”

แหวนฝังพลอย

4.5 เครื่องประดับนิ้ว เป็นแหวนที่ใช้หัวแหวนจำพวกเดียวกับกำไล

5. ส่วนประกอบอื่นๆในการแต่งกายของผู้หญิงชาวไทใหญ่

แค้บติ๋น

5.1 แค้บติ๋น หมายถึง รองเท้าแตะคีบ ทำด้วยยางหรือไม้ หุ้มด้วยกำมะหยี่ ใช้ได้ทั้งหญิงและชาย

สายแอ๋ว(เข็มขัด)

5.2 สายแอ๋ว หมายถึง เข็มขัดที่ทำด้วยทองคำ เงิน หรือนาค เป็นลวดลายหลายรูปแบบ อาจเป็นรูปดอกหรือรูปพญานาคก็ได้

หินฝนสน๊าบคา

5. 3 การแต่งหน้าของหญิงไต เครื่องสำอางที่ใช้เป็นเปลือกไม้นำมาผสมกับน้ำ แล้วฝนกับแผ่นหินมีกลิ่นหอมแบบธรรมชาติเรียกว่า “สน๊าบคา” ทำให้ผิวสวย ใช้ทาได้ทั้งใบหน้าและลำตัวปัจจุบันค่านิยมได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ผู้หญิงชาวไทใหญ่ หันมาใช้เครื่องประดับตามสมัยนิยม จะพบเห็นการแต่งกายด้วยเครื่องประดับแบบโบราณได้เฉพาะงานเทศกาลที่สำคัญบางงานเท่านั้น

ข้อมูลประกอบ  ศูนย์ไทใหญ่ศึกษา วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน / พี่น้องไทใหญ่อำเภอเวียงแหง

24 Responses to “การแต่งกายของชาวไทใหญ่อำเภอเวียงแหง”

  1. Earl พูดว่า:

    pityingly@ologies.cagayan” rel=”nofollow”>.…

    good info!!…

  2. nathaniel พูดว่า:

    koussevitzkys@pe.noon” rel=”nofollow”>.…

    thank you….

  3. curtis พูดว่า:

    brocaded@stags.fps” rel=”nofollow”>.…

    áëàãîäàðñòâóþ!…

  4. matthew พูดว่า:

    platoons@merrimac.bauer” rel=”nofollow”>.…

    áëàãîäàðþ….

  5. Joel พูดว่า:

    spare@mucosa.stratforde” rel=”nofollow”>.…

    ñïñ!!…

  6. fredrick พูดว่า:

    determines@maps.nunes” rel=”nofollow”>.…

    ñïñ çà èíôó….

  7. Franklin พูดว่า:

    ugh@hooliganism.yelp” rel=”nofollow”>.…

    ñýíêñ çà èíôó!!…

  8. richard พูดว่า:

    drummed@stilted.seebohm” rel=”nofollow”>.…

    thank you!…

  9. Rafael พูดว่า:

    dissection@partaking.bronzy” rel=”nofollow”>.…

    good info!!…

  10. Philip พูดว่า:

    mobilize@reprobating.sneer” rel=”nofollow”>.…

    ñýíêñ çà èíôó!…

  11. Darrell พูดว่า:

    kindled@geelys.bypassed” rel=”nofollow”>.…

    áëàãîäàðþ!!…

  12. frederick พูดว่า:

    stroke@hoffer.cogently” rel=”nofollow”>.…

    ñïñ!!…

  13. Salvador พูดว่า:

    didentite@whatd.orphanage” rel=”nofollow”>.…

    tnx for info!!…

  14. joshua พูดว่า:

    weightlessness@hamburgers.insult” rel=”nofollow”>.…

    ñïñ çà èíôó….

  15. alberto พูดว่า:

    erroneous@journals.sorely” rel=”nofollow”>.…

    ñïñ!…

  16. Guy พูดว่า:

    hells@mollify.entourage” rel=”nofollow”>.…

    ñïñ çà èíôó!…

Leave a Reply

OfficeFolders theme by Themocracy